คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Stablecoin กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนในตลาด Cryptocurrency พูดถึงมากที่สุดในสัปดาห์นี้ หลังจากการล่มสลายของ LUNA และ UST ที่ดิ่งลงเหวนรกอย่างรุนแรง

‍

แน่นอนว่ามันส่งผลให้หลายคนเริ่มหันมาตั้งคำถามกับเหล่า Stablecoin เหรียญอื่นๆ ว่าจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกับ UST ได้หรือไม่

‍

และหนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น พี่ใหญ่แห่งวงการ Stablecoin ที่ได้รับความนิยมในการใช้งานจนมีปริมาณการใช้งานสูงที่สุดในตลาด Cryptocurrency อย่าง Tether หรือ USDT นั่นเอง

‍

ซึ่งสาเหตุที่ผู้คนต่างหันมาเริ่มจับจ้อง USDT มากขึ้นเป็นรายถัดมานั้น เป็นเพราะในช่วงปี 2020-2021 ที่ผ่านมา Tether ได้เกิดคดีฟ้องร้องขึ้นจากการที่ทาง Tether ขาดความโปร่งใสในการตรวจสอบปริมาณเงินทุนสำรองที่ทาง Tether ได้ทำการ Reserve ไว้ ว่ามีจำนวนเท่ากับ 1:1 จริงหรือไม่

‍

จนทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในการออกร่างกฎหมายเพื่อทำการกำกับดูแล Stablecoin ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตลาดเกิดความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น และสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงมากที่สุด

‍

ทำให้ล่าสุดได้มีการเปิดเผยจากคุณ Paolo Ardoino CTO ของ Tether ในงาน Twitter Spaces ว่า ทาง Tether ได้ทำการลดการถือครอง Commercial Paper หรือ ตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชนที่ออกโดยบริษัทขนาดใหญ่เพื่อชำระหนี้ระยะสั้นนั้น ลงกว่า 50% จากเงินสำรองทั้งหมด

‍

โดยคุณ Paolo Ardoino ได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า เอกสารการรายงานทุนสำรองฉบับใหม่จากทาง Tether ที่จะออกมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านั้น จะแสดงให้เห็นว่า Commercial Paper เหล่านี้กำลังลดลงอย่างต่อเนื่องตามที่เขาได้กล่าวไว้

‍

ซึ่งทำให้นักลงทุน และนักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าสาเหตุที่ทาง Tether ได้ทำการลด Commercial Paper ลงเป็นจำนวนมหาศาลนั้น เป็นเพราะต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้เพิ่มสูงขึ้น

‍

พร้อมกับหลายฝ่ายยังมองว่า ในปัจจุบันจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยนั้น อาจส่งผลกระทบต่อหลายบริษัทยักษ์ใหญ่และอาจส่งผลกระทบต่อ Commercial Paper ที่ทาง Tether ถือไว้นั่นเอง จึงทำให้ทาง Tether ต้องทำการลดความเสี่ยงลง

‍

ซึ่งทำให้เราต้องติดตามข่าวสารสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดว่าสถานการณ์ตลาดจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะ USDT ไม่ได้เป็นเหรียญ Stablecoin ขนาดใหญ่เพียงตัวเดียวในตลาดที่ผู้คนเริ่มหันมาจับจ้องว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับ UST หรือไม่ 

‍

แต่ยังมีคู่แข่งเช่น USDC ของ Circle, BUSD ของ Binance และ Stablecoin อีกเป็นจำนวนมากที่เหล่าผู้ใช้งานเริ่มออกมาตั้งข้อสงสัย รวมไปถึงการคาดการณ์เหตุการณ์ถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อจากนี้อีกด้วย