“ที่ไหนมีเงินและผลประโยชน์ ที่นั่นก็มักจะมีพวกมิจฉาชีพเข้ามาอยู่เสมอๆ” คงจะเป็นคำกล่าวที่เกิดขึ้นกับตลาด Cryptocurrency อยู่บ่อยครั้ง
เพราะไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ตลาดขาขึ้น หรือตลาดขาลง ก็ล้วนแล้วแต่มีเหล่ามิจฉาชีพเข้ามาทำการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆอยู่เป็นจำนวนมาก
ซึ่งมันอาจเป็นเพราะว่า ตลาด Cryptocurrency นั้น ยังคงมีขนาดที่เล็ก และยังไม่ได้มีการกำกับดูแลอย่างทั่วถึงเหมือนกับตลาดหุ้น หรือตลาดตราสารอนุพันธ์ต่างๆนั่นเอง
โดยรูปแบบการหลอกลวงทั่วไปในวงการ Cryptocurrency นั้นก็มีหลายรูปแบบ เช่น การใช้ Account Social Media ปลอม เพื่อหลอกให้มาลงทุนด้วย หรือจะเป็นการแสดงความคิดเห็นบน Social Media Platform ต่างๆ เพื่อดึงดูดให้เหยื่อมาติดกับ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการหลอกลวงทั้งสิ้น
แต่อย่างไรก็ตามการหลอกลวงแบบทั่วไปที่กล่าวไปนั้น มันแทบจะใช้หลอกใครไม่ได้อีกแล้ว เพราะคนในวงการ Cryptocurrency ต่างก็เริ่มรู้ทันกลลวงดังกล่าวกันหมดแล้ว
จึงทำให้เหล่ามิจฉาชีพจำเป็นต้องหาวิธีใหม่ๆ ที่จะใช้ในการหลอกลวงนักลงทุนกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้เราจะมากล่าวถึง การก่ออาชญากรรมในวงการ Cryptocurrency ผ่าน LinkedIn นั่นเอง
โดย LinkedIn เป็น Social Network Platform จากทาง Microsoft มีผู้ใช้งานราว 830 ล้านคนใน 200 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือได้ว่าเป็น Platform ที่ค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือ และมีความเป็นมืออาชีพ สำหรับการใช้งานเชิงธุรกิจที่เสมือนเป็นสื่อกลางระหว่างเหล่าผู้ว่าจ้างกับผู้ถูกจ้าง
ที่ล่าสุดได้มีการเตือนภัยจากคุณ Sean Ragan เจ้าหน้าที่พิเศษของ FBI ผ่าน CNBC ว่า ในปัจจุบันการก่ออาชญากรรมในวงการ Cryptocurrency ผ่าน LinkedIn เริ่มมีจำนวนที่มากขึ้น
ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นภัยคุกคามที่ค่อนข้างสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะผู้ใช้งาน LinkedIn นั้นมีโอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพได้ค่อนข้างง่ายกว่า Platform อื่น
เนื่องจากเหล่ามิจฉาชีพใน LinkedIn นั้น มักจะใช้เวลาในการทำการบ้านมาอย่างดี สำหรับการกำหนดเป้าหมาย การวางกลยุทธ์ เครื่องมือและวิธีการ รวมถึงการสร้างโปรไฟล์ให้น่าเชื่อถือ เพื่อหลอกลวงผู้คนและบริษัทต่างๆให้ตกเป็นเหยื่อได้อย่างอยู่หมัด
โดยโปรไฟล์เหล่านั้นมักจะอ้างว่า เป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีการดำเนินงานประสบความสำเร็จในวงการ Cryptocurrency หรือไม่ก็อ้างว่าตนนั้นเป็นคนที่มี “จิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้ประกอบการ เป็นอย่างมาก” เพื่อดึงดูดให้บริษัทต่างๆตกเป็นเหยื่อนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ทาง LinkedIn ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการลบเนื้อหาที่เข้าข่ายแสปมและมีความเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมไปแล้วมากกว่า 136 ล้านเนื้อหา อีกทั้งทาง LinkedIn ยังได้ทำการลบบัญชีปลอมไปแล้วกว่า 31.6 ล้านบัญชีอีกด้วย
จึงทำให้เราต้องติดตามข่าวสาร เพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ว่าจะเป็นใน LinkedIn หรือ Social Network อื่นๆ การมีความรู้และเข้าใจถึงการลงทุนอย่างถ่องแท้ เป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยให้เงินของเราไม่สูญหายไปกับการหลอกลวงเหล่านี้