ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ตลาด Cryptocurrency ได้เกิดการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดนับตั้งแต่ปี 2020 - ปัจจุบันนั้น
.
คงหนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า Stablecoin หรือ Cryptocurrency ที่มีมูลค่าคงที่ ซึ่งมีอยู่หลากหลายประเภท แต่ประเภทที่ได้รับความนิยมในการใช้งาน และการซื้อขายมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น Stablecoin ที่ค้ำค่าด้วย Fiat Currency นั่นเอง
.
โดย Stablecoin ประเภทนี้ยังมีมูลค่าตลาดสูงที่สุดใน Stablecoin อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพี่ใหญ่อย่าง USDT, USDC หรือ BUSD ก็ล้วนแล้วแต่เป็น Token ประเภทดังกล่าวทั้งสิ้น ซึ่งในปัจจุบันมูลค่าตลาดของ Stablecoin นั้นสูงถึง $1.85 แสนล้าน หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว
.
แต่อย่างไรก็ตามอย่างที่เราทราบกันดีว่า Stablecoin เกือบทั้งตลาดนั้น ไม่ได้ถูกออกโดยธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่มีความน่าเชื่อถือ จึงทำให้ในบาง Token ไม่ได้รับการตรวจสอบการดำเนินงาน และการทำ Audit อย่างถูกต้อง จนส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องกันขึ้นอย่างมากมายในสหรัฐอเมริกา
.
ซึ่งทำให้ธนาคาร และสถาบันการเงินในอเมริกาอย่าง New York Community Bank (NYCB), NBH Bank, FirstBank, Sterling National Bank, Synovus Bank Figure Technologies Inc. และ JAM FINTOP ได้ออกมารวมตัวกันเพื่อก่อตั้งสมาคม The USDF Consortium ขึ้น เพื่อทำการออก Stablecoin ที่ชื่อว่า USDF
.
โดย USDF ที่ถูกออกโดย The USDF Consortium นั้น จะถูกรับรองโดย สถาบันคุ้มครองเงินฝากสหรัฐ หรือ FDIC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลมาตรการการประกันเงินฝาก เพื่อให้มั่นใจได้ว่า USDF ที่ถูก Mint ออกมานั้น จะมีอัตราส่วนของเงินฝากที่เป็นสกุล USD เท่ากับ 1:1 เสมอ
.
โดย USDF จะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อสนับสนุนในการทำธุรกรรมทางการเงินบนโลกดิจิทัลผ่าน Provenance Blockchain นั่นเอง
.
ซึ่งล่าสุดได้มีการแถลงการณ์จากทาง The USDF Consortium ว่ากำลังจะมีธนาคาร และสถาบันการเงินอย่าง Amerant Bank, ConnectOne Bank และ Primis Bank เตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมกับทาง The USDF Consortium ในเร็วๆนี้อีกด้วย
.
โดยได้มีการเปิดเผยจากคุณ Ashley Harris ประธานของ The USDF Consortium ว่า “การเพิ่มขึ้นของสมาชิกเป็นข้อพิสูจน์ที่สะท้อนถึงความสามารถของ Consortium ในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินของธนาคารที่มีความน่าเชื่อถือ เข้ากับเทคโนโลยี Blockchain ที่ช่วยส่งเสริมให้การทำธุรกรรมทางการเงินนั้น สามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวก และปลอดภัยยิ่งขึ้น”
.
ซึ่งทำให้เราต้องติดตามข่าวสารการพัฒนาจากทาง The USDF Consortium อย่างใกล้ชิด