Information
XRP เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความเร็วและลดต้นทุนในการโอนเงินระหว่างสถาบันการเงิน โดยได้รับการซัพพอร์ทจาก xRapid ของ Ripple ซึ่งเป็นโซลูชันสภาพคล่องแบบออนดีมานด์ XRP ถูกใช้เป็นสกุลเงินที่เชื่อมโยงสำหรับสถาบันการเงินที่แลกเปลี่ยนมูลค่าระหว่างสกุลเงิน fiat หลายสกุล โดย XRP เป็น Governance Token ของ XRP Ledger ซึ่งเป็นบัญชีแยกประเภทการเข้ารหัสแบบโอเพนซอร์สที่ขับเคลื่อนโดยเครือข่ายโหนดแบบเพียร์ทูเพียร์ทำให้ผู้ใช้งานสามารถโอนเงินได้อย่างรวดเร็วผ่านการทำงานบนระบบ Blockchain
History
Ripple (เดิมชื่อ Opencoin) ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดย Chris Larsen และ Jed McCaleb เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนาโปรโตคอลการชำระเงิน Ripple Ripple ช่วยให้ธนาคาร ผู้ให้บริการชำระเงิน การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล และเป็นบริการให้บริษัทต่างๆ สามารถส่งเงินไปทั่วโลกโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน โดยมีการใช้ประโยชน์จากงานของนาย Ryan Fugger ที่ทำไว้ในปี 2012 เพื่อสานต่อ ทั้งนี้ Ripple ได้สร้างบัญชีแยกประเภท XRP (เดิมชื่อ Ripple Consensus Ledger) ซึ่งเป็นบัญชีแยกประเภทการเข้ารหัสแบบโอเพนซอร์สที่ขับเคลื่อนโดยเครือข่ายโหนดแบบเพียร์ทูเพียร์ โดยมี XRP เป็นสินทรัพย์ Native Asset
ในปี 2004 Ryan Fugger ได้ก่อตั้ง RipplePay ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่มุ่งสร้างเครือข่ายการชำระเงินแบบ peer-to-peer โดยในปี 2011 ทีมงานของ Jed McCaleb ได้เริ่มพัฒนาเครือข่ายฉันทามติ (Consensus Network) ใหม่สำหรับสกุลเงินดิจิทัลที่จะกลายเป็นบัญชีแยกประเภท XRP ต่อมา Chris Larsen, David Schwartz, Arthur Britto ได้เข้ามาร่วมโครงการนี้ และในปี 2012 McCaleb และ Larsen ได้ติดต่อ Ryan เกี่ยวกับการพัฒนาของ RipplePay หลังจากพูดคุยกับชุมชน RipplePay Ryan ได้มอบโครงการนี้ให้กับ McCaleb และ Larsen ต่อมาในเดือนกันยายน 2012 พวกเขาได้ก่อตั้ง Opencoin (เปลี่ยนชื่อเป็น Ripple Labs ในปี 2013)
ในปี 2013 Ripple ได้เปิดตัว XRP ซึ่งเป็น Native Token บนบัญชีแยกประเภท Ripple Consensus Ledger เมื่อเปิดตัว บริษัทได้สร้างโทเค็น XRP จำนวน 100,000 ล้านเหรียญ โดยจัดสรรโทเค็นจำนวน 80,000 ล้านโทเค็นให้กับบริษัท และมอบ 20,000 ล้านให้กับผู้ก่อตั้งทั้งสาม ในช่วงปี 2013 Ripple สามารถระดมทุนได้มากกว่า 7.5 ล้านดอลลาร์จากบริษัทร่วมทุนที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกา ต่อมาในปีนั้น Jed McCaleb จะลาออกจากบริษัทเพราะข้อโต้แย้งภายในเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของบริษัท ก่อนที่จะไปทำที่ Stellar ในลำดับต่อมา
หลังจากการเปิดตัว XRP Ledger ครั้งแรก Ripple ได้มุ่งเน้นความพยายามในการให้สถาบันการเงินใช้บัญชีแยกประเภทเพื่อดำเนินการโอนเงิน การเข้าสู่ตลาดการชำระเงินข้ามพรมแดนนำไปสู่การตรวจสอบด้านกฎระเบียบ โดย FinCEN ได้ปรับ Ripple Inc ในเรื่องการละเมิดกฎหมายการรักษาความลับของธนาคารในปี 2015 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนแก้ไขที่เกี่ยวข้องกับการปรับ Ripple Inc ตกลงที่จะปรับปรุงความสามารถในการต่อต้านการฟอกเงินของ XRP มีการเพิ่มโปรโตคอลและข้อกำหนดการอนุญาตที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับผู้เข้าร่วมเพิ่มเติมเพื่อเข้าร่วมเครือข่าย
เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของ XRP ในฐานะหุ้นส่วนของสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม Ripple ได้รับ BitLicense จากรัฐนิวยอร์กในปี 2016 โดยข้อดีของการปรับปรุงและการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลคือทำให้ XRP สามารถผสานรวมกับแบบดั้งเดิมได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในเรื่องระบบการเงิน
การใช้งานหลักของ XRP ในปัจจุบันเป็นเสมือนสะพานเชื่อมสกุลเงินที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ xRapid ของ Ripple ซึ่งเป็นโซลูชันสภาพคล่องแบบออนดีมานด์ xRapid ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถแลกเปลี่ยนมูลค่าระหว่างสกุลเงิน fiat ผ่านเครือข่ายการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้ XRP เป็นสกุลเงินที่เชื่อมโยงสำหรับสภาพคล่อง
RippleNet สร้างโดยบริษัท Ripple
RippleNet เป็นเครือข่ายของผู้ให้บริการชำระเงินสถาบัน โดยมุ่งเน้นและนำเสนอการเชื่อมต่อกับสถาบันการเงินหลายร้อยแห่งทั่วโลกผ่าน API ทำให้การโอนเงินเร็วขึ้น ถูกกว่า และสร้างความน่าเชื่อถือสำหรับลูกค้าได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดหรือขจัดความจำเป็นในการเติมเงินในบัญชีล่วงหน้าด้วย On-Demand Liquidity (ODL) ซึ่งเป็นบริการที่ใช้ XRP ของสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อจัดหาสภาพคล่องระหว่างการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน เป็นทางเลือกแทนระบบแบบเดิม RippleNet นั้นได้รับความไว้วางใจของธนาคารระดับโลกอย่าง Bank of America อีกด้วย

Bank of America ใช้ RippleNet
Bank of America ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นธนาคารที่มีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการเงิน ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Ripple อยู่แล้วในการดำเนินการทำธุรกรรม โดย Ripple ระบุว่า Bank of America เป็นลูกค้าตั้งแต่ต้นปี 2016

ข้อดีของ RippleNet
1.ประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่า (Superior Customer Experience)
ใช้ Ripple เพื่อปรับปรุงสำหรับการชำระเงินของธุรกิจ โดยนำเสนอประสบการณ์การชำระเงินที่ดีที่สุดในตลาดให้กับลูกค้าของคุณ
2.โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย (Modern Infrastructure)
Ripple ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ทันสมัยเพื่อปรับปรุงบริการการชำระเงินและลดต้นทุน ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายอำนาจ (Decentralized) ทำให้สามารถโอนเงินด้วยความเร็วถึง 3 วินาทีและยังมีความโปร่งใส 100% อีกด้วย
3.โซลูชันสภาพคล่องที่ไม่เหมือนใคร Unique Liquidity Solutions
ระบบของ Ripple สามารถจัดการเงินทุนล่วงหน้าและเงินทุนหมุนเวียนอิสระด้วยสภาพคล่องตามความต้องการ (On-Demand Liquidity)
4.พันธมิตรเครือข่าย Network Partnering
ขยายเครือข่ายของคุณและเข้าถึงทางเดินหลักได้อย่างง่ายดายโดยเชื่อมต่อและทำธุรกรรมกับผู้รับชั้นนำในตลาดหลักอย่างเช่น ธนาคารและสถาบันการเงิน
ความแตกต่างระหว่าง RippleNet และ Network อื่นๆ

เนื่องจากปัจจุบันความต้องการของลูกค้าธนาคารที่ส่งการชำระเงินทั่วโลกมีการพัฒนาอย่างมาก ซึ่งในอดึตนั้นการแก้ปัญหาการชำระเงินผ่านธนาคารที่ไม่มีประสิทธิภาพนั้นเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยาก เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของระบบการเงินไม่ได้มีระบบจัดการแบบเรียลไทม์ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับของธุรกรรมต่างๆได้ ทำให้การประมวลผลแบบเก่าของธนาคารมีความล่าช้า และมีค่าใช้จ่ายสูงสำหรับลูกค้า
สมาชิก RippleNet ซึ่งปัจจุบันเป็นพวกธนาคาร หลังจากทำข้อตกลงแล้วพวกเขาจะเชื่อมต่อกันผ่านเทคโนโลยีมาตรฐานของ Ripple ช่วยให้ธนาคารสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ด้วยความเร็ว ความโปร่งใส ผ่านการทำงานจาก RippleNet ที่สร้างขึ้นโดยใช้ Interledger Protocol (ILP) ซึ่งเป็นโปรโตคอลแบบเปิดซึ่งช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันระหว่างบัญชีแยกประเภทและเครือข่ายการชำระเงินต่างๆ ได้อย่างลงตัว
Founders
ปัจจุบัน CEO of Ripple คือนาย Brad Garlinghouse ก่อนหน้านี้เขาทำงานที่ Yahoo ตำแหน่ง President Consumer Applications นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกคณะกรรมการ OutMatch และยังได้รับตำแหน่งคณะกรรมการที่ Ancestry.com และ Tonic Health อีกด้วย นับว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถหลากหลายด้าน
Roadmap
February 2018 - v0.90.0
เป็นช่วงเปิดตัวโดยมุ่งเน้นที่คุณสมบัติและการปรับปรุงหลายอย่างเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการปรับขนาด และความปลอดภัยของบัญชีแยกประเภท XRP โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมต่างๆดังนี้
- การแก้ไข DepositAuth ซึ่งช่วยให้บัญชีสามารถตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมที่ส่งมาจากบัญชีอื่นๆ
- การแก้ไขเช็ค ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้สร้างการชำระเงินที่รอการตัดบัญชีซึ่งสามารถยกเลิกหรือขึ้นเงินโดยผู้รับที่ต้องการได้
- พัฒนา History Sharding ซึ่งช่วยให้เซิร์ฟเวอร์ ripple สามารถแจกจ่ายข้อมูลบัญชีแยกประเภทในอดีตได้
May 2018 - v1.0.0
มีการพัฒนาจากเวอร์ชั่นก่อนหน้ารวมการปรับปรุงที่เพิ่มขึ้นสำหรับคุณสมบัติที่ออกก่อนหน้านี้หลายรายการ
February 2019 - v1.2.0
พัฒนา MultisignReserve ซึ่งช่วยทำให้ระบบของ Ripple นั้นมีมาตราฐานมากขึ้น นอกจากนี้ ripple ยังได้พัฒนาความสามารถในการตรวจจับความพยายามในการเซ็นเซอร์ธุรกรรมโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน
July 2019 - v1.3.1
แนะนำคุณสมบัติใหม่หลายประการและการปรับปรุงโดยรวมของฐานรหัส (codebase) รวมถึงการแก้ไข fixMasterKeyAsRegularKey รหัสเพื่อปรับระยะเวลาของกระบวนการฉันทามติ (Consensus) และการสนับสนุนสำหรับการตรวจสอบโดเมนตรวจสอบที่กระจายอำนาจ รวมถึงการปรับปรุงการตรวจจับการเซ็นเซอร์ธุรกรรม รหัสตรวจสอบธุรกรรม รหัสการแยกวิเคราะห์รายการ รหัสการแยกวิเคราะห์ไฟล์กำหนดค่า รหัสการหมุนไฟล์บันทึก และในบิลด์ นับว่าเป็นการผสานรวมอย่างต่อเนื่อง การทดสอบ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงในอนาคต
Tokenomics
100,000 ล้าน XRP ถูกสร้างในเดือนมกราคม 2013 โดยมีการจัดสรรดังนี้
20% ถูกเก็บรักษาไว้โดยผู้ก่อตั้ง XRP โดยนาย Chris Larsen และนาย Jed McCaleb ต่างได้รับ 9,500 ล้าน XRP ส่วนนาย Arthur Britto ได้รับ 1,000 ล้าน XRP
77.8% ถูกจัดสรรให้กับ Ripple
0.2% ถูกใช้เพื่อ Airdrop เพื่อเป็นการทดลองขยายการใช้งาน

ในปี 2014 Chris Larsen ได้มอบ XRP จำนวน 7,000 ล้าน XRP ให้กับมูลนิธิการกุศล Jed McCaleb นอกจากนี้ยังบริจาคเงิน 2,000 ล้านเหรียญ ให้กับกองทุนอื่นๆที่ได้รับการแนะนำจากผู้บริจาคอีกด้วย นอกจากนี้ McCaleb ยังได้เจรจาข้อตกลงในการทำโครงการที่เพื่อจัดการสินทรัพย์ XRP ที่เขาถือครองโดยทรัพย์สินของเขาส่วนหนึ่งถูกเก็บไว้ในบัญชีที่เป็นความลับและถูกควบคุมปริมาณในการปล่อยสินทรัพย์เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ของ XRP
XRP มีความเป็น Centralized สูง ไม่สามารถ“ขุด”ได้
ถือเป็นจุดต่างของ XRP จากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ในเรื่องของระบบที่ค่อนข้างเอนเอียงไปทาง Centralized มากกว่า Decentralized เนื่องจาก Ripple นั้นมีเครือข่ายที่เรียกว่า RippleNet เป็นเครือข่ายแบบปิด ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ที่รวดเร็วและปลอดภัยบนฐานระบบของบล็อกเชน (Blockchain) ที่เปิดให้องค์กรหรือธนาคารที่ได้รับการอนุมัติเป็นสมาชิกของตน “นั่นหมายความว่าบุคคลธรรมดาไม่สามารถ “ขุด” หรือยืนยันการทำธุรกรรมเพื่อรับเงินค่าจ้างเป็นเหรียญ XRP ได้ โดย XRP นั้นจะถูกควบคุมโดย Node จากบริษัทและธนาคารในเครือข่ายเท่านั้น” แม้ XRP จะมีความ Centralized แต่ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นเหรียญที่มีประสิทธิภาพในเรื่องของความรวดเร็ว และค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าคริปโทเคอร์เรนซีสกุลอื่น ๆ
XRP เป็นเหรียญที่มีจำนวนจำกัด
XRP ถูกสร้างขึ้นมาอย่างจำกัดทั้งหมด 100,000 ล้านเหรียญ ไม่สามารถสร้างขึ้นมาเพิ่มได้ โดย 80% ของเหรียญ XRP นั้นจะอยู่ที่บริษัท Ripple ซึ่งจะถูกทยอยปล่อยออกสู่ตลาดเพื่อรักษาสมดุลทางการตลาดของเหรียญ โดยหลักการนั้นหลายคลึงกับ Bitcoin เพียงแต่ XRP นั้นเน้นใช้ในการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ
และแน่นอนว่าทุก ๆ ธุรกรรมนั้นจะต้องมีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเป็น XRP ทำให้ปริมาณของ XRP นั้นลดลงเรื่อย ๆ ในทุก ๆ การทำธุรกรรม และด้วยคุณสมบัติที่มีอย่างจำกัดนี้เอง ทำให้ยิ่งปริมาณเหรียญ XRP ในตลาดลดน้อยลงเท่าไหร่ มูลค่าในตลาดก็จะเพิ่มสูงขึ้นแบบผกผันกัน ทำให้ XRP เป็นที่จับจ้องสำหรับนักลงทุนในตลาด เหตุนี้เองทำให้ XRP นั้นครองส่วนแบ่งการตลาดในตลาดคริปโตถึง 2.15% อยู่ในอันดับที่ 7 ของตลาด (อ้างอิงจากเว็บไซต์ coinmarketcap.com ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2564)
Partnerships
Bank of America

แบงค์ออฟอเมริกา หรือ ธนาคารแห่งอเมริกา (นิยมย่อเป็น BofA) เป็นธนาคาร 1 ใน 4 ที่ใหญ่ที่สุดของเมริสหรัฐ ตามมูลค่าทรัพย์สินที่ธนาคารถือครอง ในปี พ.ศ. 2016 แบงค์ออฟอเมริกาเป็นบริษัทที่มีรายได้สูงสุดเป็นลำดับที่ 26 ของสหรัฐและเป็นบริษัทที่ใหญ่ลำดับที่ 11 ของโลกจากการจัดลำดับของนิตยสาร Frobes อีกด้วย
SCB ไทยพาณิชย์

SCB ผนึกกำลังกับ Ripple พันธมิตรระดับโลก ผู้ให้บริการโซลูชันด้านการชำระเงินและการโอนเงินชั้นนำระดับโลก ต่อยอดความก้าวหน้าของเทคโนโลยี Ripple Blockchain เพิ่มศักยภาพและขยายขอบเขตการให้บริการโอนเงินข้ามประเทศให้ครอบคลุมความต้องการใน 12 ประเทศหลักทั่วทุกภูมิภาค ด้วยบริการใหม่ “โอนเงินต่างประเทศผ่าน SCB EASY” สะดวกกว่า โดยไม่ต้องไปสาขา ทำได้ทุกที่ 24 ชั่วโมง รวดเร็วกว่า กับการโอนเงินแบบเรียลไทม์ ถึงปลายทางในไม่กี่วินาที
American Express

American Express หรือ AMEX เป็นบริการบัตรเครดิตจากสถาบันสินเชื่อด้านการเงินที่มีชื่อเสียงในด้านนี้มาอย่างยาวนานจากประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันใช้แพลตฟอร์ม RippleNet ของ Ripple ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2018 เพื่อพัฒนาในการชำระเงินข้ามพรมแดนและเพิ่มความเร็วในชำระเงิน
Summary
XRP เป็นอีกเหรียญที่เข้ามาเติมเต็มในการสร้างธุรกรรมที่รวดเร็วสำหรับการโอนเงินไปแต่ละที่โดยเบื้องหลังนั้นได้รับการซัพพอร์ทจากสถาบันการเงินชื่อดังหลายๆแห่ง และยังถูกใช้เป็นสกุลเงินที่เชื่อมโยงสำหรับสถาบันการเงินที่แลกเปลี่ยนมูลค่าระหว่างสกุลเงิน fiat หลายสกุล XRP จึงเป็นอีกหนึ่งเหรียญยอดนิยมที่หลายคนสนใจในปัจจุบัน
Source :
https://ripple.com/insights/american-express-joins-ripplenet-giving-visibility-and-speed-to-global-commercial-payments/
https://xrpl.org/faq.html
คำเตือน
1.คริปโทเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน
2.คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนโปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
3.สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้