NEAR101

NEAR เริ่มต้นพัฒนาปี 2560 โดยเป็นโครงการแมชชีนเลิร์นนิงที่ใช้ชื่อว่า NEAR.ai ภายหลังกลายเป็นแพลตฟอร์มการพัฒนาบล็อคเชน โดยถูกพัฒนาขึ้นมาจากนาย Illia Polosukhin และ Alexander Skidanov ชื่อโปรเจคของ NEAR ตั้งชื่อตามนวนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง The Singularity Is Near

NEAR เป็นอีกหนึ่งโปรเจคที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยทางทีมได้พัฒนาสัญญาอัจฉริยะที่ตั้งโปรแกรมควบคุมได้สามารถนำไปต่อยอดทางด้านการชำระเงินผ่านคริปโตได้ในช่วงปลายปี 2017 และต้นปี 2018 ขณะที่พวกเขาพัฒนาโปรเจคและลองใช้โปรโตคอลบล็อกเชนที่หลากหลาย พวกเขาตระหนักดีว่าสถานะปัจจุบันของเทคโนโลยีไม่ตรงกับความต้องการของพวกเขา จึงเริ่มออกแบบบล็อกเชนที่เหนือกว่าเจ้าอื่นๆ นาย Illia Polosukhin และ Alexander Skidanov  จึงรวมทีมวิศวกรและเริ่มสร้าง NEAR Protocol อย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม 2018

วิสัยทัศน์ในการก่อตั้งแพลตฟอร์ม NEAR คือการเสนอเส้นทางที่ง่ายดายให้กับนักพัฒนาในการสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ที่สามารถปรับขนาดเป็นการใช้งานจำนวนมาก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ NEAR ได้นำกลไก Proof-of-Stake (PoS) มาใช้เพื่อสนับสนุนการตรวจสอบธุรกรรมและบล็อกการผลิต

NEAR ผสมผสานวิธีการปรับขนาดแนวนอนเข้ากับกลไกฉันทามติใหม่ที่แยกเครือข่ายออกเป็นชาร์ดคู่ขนานและกระจายการคำนวณแบบไดนามิกเพื่อเพิ่มความสามารถในการประมวลผลของเครือข่าย โดยเปิดตัวในเดือนเมษายน 2020 และเปิดใช้งานโดยชุมชนในเดือนกันยายน 2020 ผ่านการโหวตเพื่อเปิดใช้งาน ต่อมาได้มีการโอนโทเค็นในเดือนตุลาคม 2020 ตามลำดับ

Technology

Blockchain ของ NEAR ใช้อัลกอริธึมฉันทามติแบบใหม่ มีสถาปัตยกรรมการแบ่งส่วนข้อมูลเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในระดับที่ค่อนข้างสูง องค์ประกอบสำคัญของเทคโนโลยีของ NEAR มีดังนี้

• Dynamic Re-Sharding
• Nightshade
• Doomslug
• Fees as Developer Rewards
• Token Balance-Based Storage
  

Dynamic Re-Sharding

ในการปรับขยายขนาดเพื่อเข้าถึงความสามารถที่รองรับการใช้งานได้มากขึ้นมีอยู่สองวิธีคือการปรับแบบ Horizontal และ Vertical โปรเจคของ NEAR นั้นเลือกใช้ Sharding ซึ่งเป็นเทคนิคการสเกลแบบ Horizontal ตัว Sharding จะช่วยให้การปรับขนาดฐานข้อมูลมีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น และยังทำให้การกระจายข้อมูลรวมถึงการประมวลผลข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานของ Sharding จะเก็บข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่อง แบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ ของแต่โหนด และกระจายการคำนวณไปยังเครือข่ายย่อยแบบขนานหลายสาย 

นอกจากนี้โปรเจ็กต์ของ NEAR นั้นพัฒนาตัว Sharding ที่เรียกว่า "Dynamic re-sharding" ซึ่งการแบ่งส่วนชาร์ดแบบไดนามิกอาจเป็นแนวทางที่ประหยัดต้นทุนมากขึ้นในการปรับขนาดและการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย เนื่องจากข้อกำหนดพื้นที่จัดเก็บโหนดสามารถปรับได้ตามความต้องการ

Nightshade

Nightshade เป็นวิธีการแบ่งกลุ่มข้อมูลแบบใหม่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อบรรลุข้อตกลงร่วมกันและใช้ชำระธุรกรรมข้ามกลุ่มย่อยในเครือข่าย ซึ่งโดยทั่วไปเครือข่ายส่วนใหญ่ใช้ Validator ตรวจสอบที่มีขนาดเล็ก จึงทำให้เกิดปัญหาในกระบวนการตรวจสอบ เนื่องจาก validator เหล่านี้ต้องตรวจสอบดาวน์โหลดสถานะทั้งหมดของแต่ละชาร์ด หรือตรวจเฉพาะส่วนที่เปลี่ยนแปลง ทำให้กระบวนการตรวจสอบความถูกต้องอาจคลาดเคลื่อนและไม่มีประสิทธิภาพ และยังใช้เวลาที่นานกว่าเดิม

Nightshade นำเสนอรูปแบบที่แตกต่างออกไปโดยการปรับเปลี่ยนสิ่งที่เป็นนามธรรมของชาร์ดดิ้งทั่วไปโดยถือว่าแต่ละกลุ่มจะใช้ข้อมูลทำงานร่วมกันเพื่อสร้าง "กลุ่ม" ของข้อมูลที่รวมกันเป็นบล็อกเดียว ซึ่งหมายความว่าระบบจะกำหนด Validator เพียงตัวเดียวเพื่อตรวจสอบความถูกต้องในการสร้างแต่ละบล็อก โดย Validator จะต้องรวบรวมกลุ่มข้อมูลที่สร้างในแต่ช่วงเวลาลงในบล็อกเพื่อบันทึกข้อมูลทั้งหมด

Doomslug

Doomslug เป็นเทคนิคการผลิตบล็อกใหม่ของ NEAR Protocol ซึ่งทางผู้พัฒนากล่าวว่ามันช่วยให้เครือข่ายบรรลุถึงขั้นสุดท้ายในทางปฏิบัติหลังจากการส่งข้อมูลสื่อสารออกไปหนึ่งรอบ ระบบจะมีแกดเจ็ตขั้นสุดท้ายให้การสิ้นสุด BFT หลังจากรอบที่สอง โดยระยะสุดท้ายที่ใช้งานได้จริงใน Doomslug คือเมื่อบล็อกไม่สามารถย้อนกลับได้ เว้นแต่ผู้เข้าร่วมอย่างน้อยหนึ่งคนจะถูกตัดทิ้ง

นอกจากนี้ Doomslug ยังอนุญาตให้เครือข่ายสร้างและปิดบล็อกต่อไปตราบใดที่ Validator ที่ตรวจสอบความถูกต้องมากกว่าครึ่งหนึ่งออนไลน์ แม้ว่าอุปกรณ์สุดท้ายจะหยุดทำงานหากผู้เข้าร่วมน้อยกว่าสองในสามออนไลน์ก็จะสามารถดำเนินการได้

Fees as Developer Rewards

NEAR แจกจ่าย 30% ของค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมใดๆ ให้กับสัญญาที่เรียกทำธุรกรรม เจ้าของสัญญา (มักจะเป็นกลุ่มนักพัฒนาหรือ DAO) สามารถตัดสินใจว่าจะจัดสรรเงินเหล่านี้อย่างไร ค่าธรรมเนียมเหล่านี้ จะเป็นรางวัลจูงใจให้พัฒนาแอปพลิเคชั่นบน NEAR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปอร์เซ็นต์ของค่าธรรมเนียมที่จัดสรรให้กับรางวัลนี้เป็น system-level parameter (สามารถปรับได้โดยการกำกับดูแล) 

Token-Based Storage

ผู้ถือโทเค็น NEAR มีสิทธิ์จัดเก็บข้อมูลบนห่วงโซ่ ตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนถือยอดคงเหลือ 1 NEAR หมายความว่าบุคคลนั้นสามารถจัดเก็บข้อมูลได้เกือบ 10 KB ในบัญชี โมเดลนี้คล้ายกับการตรวจสอบบัญชีในธนาคารที่ต้องการยอดเงินขั้นต่ำในการมีบัญชี โดยระบบอนุญาตให้สัญญาที่มีสถานะสำคัญสามารถจ่ายเงินให้ผู้ตรวจสอบความถูกต้องตามสัดส่วนของปริมาณข้อมูลที่พวกเขารักษาความปลอดภัยได้

การพัฒนาของ NEAR เข้มข้นมากตั้งแต่เริ่มโครงการในปลายปี 2018 หลังจากทดสอบเครือข่ายหลายครั้ง ในปี 2019 NEAR ก็เริ่มเปิดตัวเครือข่ายหลักในเดือนเมษายน 2020 ซึ่งประกอบด้วยสามขั้นตอน ได้แก่ MainNet POA, MainNet (Restricted) และ MainNet Community Governed 

MainNet POA มุ่งเน้นไปที่ผู้ตรวจสอบความถูกต้องและผู้เข้าร่วมเครือข่าย ไม่ได้เปิดใช้งานการ Staking  และมีเพียง NEAR Foundation เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้โอนโทเค็น ใน MainNet POA มีการเปิดใช้ Staking แต่ไม่มีการโอนโทเค็น การโหวตครั้งแรกใน NEAR จัดขึ้นเพื่อตัดสินใจว่าจะเปิดตัว MainNet เวอร์ชันสุดท้ายเมื่อใด

ต่อมาชุมชน NEAR โหวตให้เปิดตัว MainNet (unrestricted) ในวันที่ 13 ตุลาคม ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ขณะนี้ NEAR อยู่ในขั้นตอนการส่งมอบการควบคุม blockchain ทั้งหมดให้กับผู้ถือโทเค็น NEAR ในช่วง "Post Mainnet" นี้ ทีมงาน NEAR กำลังมองหาที่จะใช้งานคุณลักษณะเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงให้่

เหรียญ NEAR มีปริมาณจำกัดอยู่ที่ 1,000,000,000 ล้านเหรียญ โดยแบ่งเป็นสัดส่วนดังนี้

17.2% ถูกแบ่งไว้ให้กับทุนและโปรแกรม

14% ถูกแบ่งไว้ให้กับผู้พัฒนา

17.6% ถูกแบ่งไว้ให้กับผู้สนับสนุนหลัก

6.1% ถูกแบ่งไว้ให้กับผู้สนับสนุนรอง

12% ถูกแบ่งไว้เปิดขายให้กับชุมชน

11.7% ถูกแบ่งไว้ให้สำหรับผู้ที่เข้าร่วมในระบบนิเวศของเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมเบต้าเพื่อสร้างแอปรุ่นแรกๆ การสร้างเครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆบนระบบ

10% ถูกแบ่งไว้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิในระยะยาวและอาจนำไปใช้ได้หลากหลายวิธี

11.4% ถูกแบ่งไว้เพื่อสนับสนุนทุนปฏิบัติการ

‍

Aurora

Aurora เป็นบริการสำหรับ Ethereum Virtual Machine ที่สร้างโดยทีมงานที่ NEAR Protocol

Crust Network

Crust Network ใช้สำหรับเป็นโปรโตคอลเลเยอร์ IPFS incentive และบล็อกเชนที่ใช้ซับสเตรตซึ่งสร้างเครือข่ายการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ของระบบนิเวศ Web3.0

Octopus Network

Octopus Network ช่วยเป็นเครือข่าย sidechain เพื่อโฮสต์บล็อกเชนเฉพาะแอปพลิเคชัน Web3.0 หรือที่รู้จักว่า appchains รอบโปรโตคอล NEAR

The Graph

The Graph ใช้เพื่อเป็นโปรโตคอลการจัดทำดัชนีสำหรับการสืบค้นเครือข่ายเช่น Ethereum และ IPFS ทุกคนสามารถสร้างและเผยแพร่ API แบบเปิด ซึ่งเรียกว่า Subgraphs ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย

Coin98 Wallet

Coin98 Wallet เป็นกระเป๋าเงินแบบ multi-chain และเกตเวย์ DeFi ที่ไม่ต้องถูกควบคุม ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อผู้ใช้กับโลกของ crypto อย่างราบรื่นโดยเน้นเรื่องปลอดภัยเป็นหลัก

ChainLink

ChainLink เป็นเครือข่าย Oracle ที่กระจายอำนาจซึ่งให้ข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงแก่สัญญาอัจฉริยะบนบล็อคเชน

Band Protocol

Band Protocol เป็นแพลตฟอร์มออราเคิลข้อมูลข้ามสายโซ่ที่รวบรวมและเชื่อมต่อข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงและ API กับสัญญาอัจฉริยะ

NEAR คือแพลตฟอร์มการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ซึ่งมีความปลอดภัยเพียงพอที่จะจัดการทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง เช่น เงินหรือข้อมูลประจำตัว NEAR เป็นแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะที่ปรับขนาดได้ซึ่งรองรับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ในเกือบทุกประเภท ใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศของส่วนประกอบที่ได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีล้ำสมัยจึงทำให้ NEAR นั้นน่าติดตามและน่าสนใจเป็นอย่างมาก

‍

Source :

https://messari.io/asset/near-protocol/profile/contributors

https://www.coinbureau.com/review/near-protocol/

‍

‍