Information
Chainlink เป็นเครือข่าย Oracle ที่กระจายอำนาจ Decentralized Oracle Networks (DONs) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำหน้าที่เป็นมิดเดิลแวร์ระหว่างสัญญาอัจฉริยะและแหล่งข้อมูลภายนอก (Off Chain) ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบโครงสร้างของธุรกิจเป็นอย่างมากที่ต้องการเข้ามาใช้งาน Blockchain ที่จุดเด่นเรื่องความโปร่งใส
กว่าจะมาเป็น Chainlink
Chainlink ถูกสร้างขึ้นในเดือนกันยายน 2017 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการบนเครือข่ายหลัก Mainnet ในเดือนพฤษภาคม 2019 ซึ่ง Chainlink นั้นมีเป้าหมายในการแก้ปัญหา Oracle ที่ยังมีข้อจำกัดของข้อมูลนอกเครือข่ายที่ไม่สามารถนำมาเชื่อมต่อกับ Blockchain ได้ โปรเจคของ Chainlink ทำการพัฒนาเกี่ยวกับ Decentralized Oracle Network ซึ่งถูกพัฒนาโดยนาย Sergey Nazarov เป็นหนึ่งในแนวหน้าวงการ Blockchain ระดับโลก โดยก่อนที่จะมาทำ Chainlink เขาได้ทำบริษัทอีกหลายบริษัทที่ดำเนินการเกี่ยวกับ Blockchain และ Smart Contract โดยเฉพาะ เช่น SmartContract, Secure Asset Exchange, CryptaMail ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่เป็นแนวหน้าในวงการ Blockchain ทั้งสิ้น

Decentralized Oracle Network อาวุธของนักธุรกิจยุคใหม่
ด้วยกระแสเทคโนโลยี Blockchain ที่ร้อนแรงในขณะนี้เกิดการบริการต่างๆที่ใช้ Blockchain เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่ง Decentralized Oracle Network ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ทำงานในระบบของ Blockchain โดยอาศัย Smart Contract เป็นตัวเชื่อมระหว่างข้อมูลบนโลกความเป็นจริงกับข้อมูลที่เกิดจากฝั่งของ Blockchain เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใสให้กับบริษัทมากขึ้น นอกจากนี้ความน่าเชื่อถือของ Blockchain ยังเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลให้บริษัทนั้นมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นอีกด้วย โดยหลักๆแล้วหากจะอธิบายโครงสร้างของ Decentralized Oracle Network นั้นเราต้องมาเข้าใจก่อนว่า Oracle นั้นมาจากอะไร ทำงานอย่างไร แล้วทำไม Chainlink ถึงต้องพัฒนาบน Blockchain

Oracle เพราะข้อมูลคือรากของธุรกิจ
Oracle คือ โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล ผลิตโดยบริษัทออราเคิล มันคือรูปแบบโปรแกรมที่เข้าไปช่วยบริษัทต่างๆ บริหารงานและพัฒนาระบบข้อมูล หรือเรียกกันว่า Relational Database Management ซึ่ง Oracle นับว่าเป็นโปรแกรมจัดการด้านข้อมูลเชิงพาณิชย์ตัวแรกของโลกซึ่งมีข้อดีต่างๆ ดังนี้
1.เป็นตัวกลางคอยติดต่อ ประสาน ระหว่างผู้ใช้และฐานข้อมูลเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน
2.สามารถจัดการข้อมูลได้อย่างมีระบบและประสิทธิภาพสูง
3.สามารถบันทึกและแก้ไขข้อมูลได้
4.สร้างโดยบริษัท Oracle ทำให้มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือ
ระบบจัดเก็บข้อมูล Oracle ได้รับความนิยมและมีการใช้งานอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง เหมาะกับการจัดการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่ต้องการความปลอดภัยและความมั่นคง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นชื่อว่าเทคโนโลยีเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องมีปัญหาให้ผู้ใช้งานได้พบเจอได้อยู่ตลอด
Technology กับการพัฒนา Chainlink
Chainlink เป็นเครือข่ายที่นำข้อมูล Oracle มาเชื่อมต่อกับ Blockchain จึงทำให้ข้อมูลเกิดความ Decenterize ซึ่งช่วยให้สร้างสัญญาอัจฉริยะสามารถโต้ตอบกับข้อมูลและบริการในโลกแห่งความเป็นจริงที่มีอยู่นอกเครือข่าย Blockchain (Off Chain) ได้อย่างปลอดภัย Chainlink มีโครงสร้างพื้นฐานและเฟรมเวิร์กสำหรับการสร้างเครือข่าย Oracle โดยสามารถทำงานร่วมกันกับบล็อกเชนและโปรโตคอลเลเยอร์ 2 ได้อีกด้วย
ในเครือข่ายของ Chainlink Oracle ประกอบด้วยโหนด Oracle หลายโหนดที่ดึงข้อมูลจากผู้ให้บริการข้อมูล รวบรวมข้อมูลให้เป็นจุดข้อมูลเดียว และส่งค่ามาบนเชนเชื่อมต่อกับสัญญาอัจฉริยะ ระบบของ Chainlink มีการพัฒนาที่ค่อนข้างยืดหยุ่น ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมและกำหนดค่าเครือข่าย oracle ได้ดีขึ้น สามารถใช้ใช้พารามิเตอร์ได้หลายรูปแบบ เช่น ความถี่ในการอัปเดต จำนวนการชำระค่าธรรมเนียม และอื่นๆ
อ้างอิงจาก Github นักพัฒนากว่า 70% นั้นใช้ภาษา Go พัฒนาระบบของ Chainlink ซึ่งข้อดีของภาษา Go เป็นภาษาที่เขียนง่าย ทำงานได้หลากหลายเหมาะกับการเขียน Application หลายประเภท

Off-chain Architectural ตัวชูโรงของ Chainlink
โครงสร้างหลักๆของระบบ Chainlink นั้นถูกออกแบบมาให้นำข้อมูล On-chain และ Off-chain เข้าด้วยกันอย่างมีมาตราฐานซึ่งโดยปกติแล้วบน Blockchain นั้นส่วนใหญ่จะมีแค่ข้อมูล On-Chain ซึ่งการใช้งานนั้นค่อนข้างจำกัดเนื่องจากข้อมูลนั้นมีความจำเพาะเจาะจงมากเกินไป ทำให้ไม่เกิดความหลากหลายเมื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจทำให้เกิดการนำมาวิเคราะห์ได้แคบกว่า ดังนั้นการนำข้อมูล Off-chain มาประยุกต์รวมเข้ากับ Blockchain โดยจะถูกบันทึกไว้ใน Smart Contract ที่สามารถตรวจสอบได้ จะทำให้เกิดการใช้งานบนโลกธุรกิจจริงได้มากยิ่งขึ้นโดยข้อมูล Off-Chain ยังสามารถแบ่งข้อดีได้อย่างชัดเจนเป็นหัวข้อหลักๆ ได้อีกดังนี้
1.สามารถดำเนินการอัพเดทข้อมูลได้รวดเร็ว
2.ธุรกรรมนอกเครือข่าย Off Chain มักจะไม่มีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม เนื่องจากไม่มีอะไรเกิดขึ้นบนบล็อคเชนที่ต้องใช้ Gas ในการดำเนินการ
3.การทำธุรกรรมนอกเครือข่ายช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลเนื่องจากรายละเอียดจะไม่เผยแพร่สู่สาธารณะ

On-Chain Architecture หมายถึง ข้อมูลที่จัดเก็บในเครือข่าย Blockchain
Off-Chain Architecture หมายถึง ข้อมูลที่จัดเก็บนอกเครือข่าย Blockchain เช่น จัดเก็บในระบบของธนาคารหรือบริษัท เป็นต้น
3 สิ่งที่ทำให้ Chainlink ก้าวสู่ความสำเร็จ
Chainlink สร้างนวัตกรรมที่ช่วยให้สามารถสื่อสารระหว่างสัญญาอัจฉริยะบนบล็อคเชนที่บริการและแหล่งข้อมูลภายนอกได้ดีโดยปฏิบัติตามกระบวนการ 3 ขั้นตอนดังนี้
1. Oracle Selection : ผู้ใช้บริการ Chainlink จะต้องร่างข้อตกลง Service Level Agreement (SLA) ที่ระบุข้อกำหนดของชุดข้อมูล จากนั้นซอฟต์แวร์ Chainlink จะใช้ SLA เพื่อจับคู่ผู้ใช้บริการกับ Oracles ที่เหมาะสมที่สุดที่สามารถให้ข้อมูลได้ เมื่อตั้งค่าพารามิเตอร์แล้ว ผู้ใช้จะส่ง SLA และฝากเงินดิจิทัลของ Chainlink (LINK) ไว้ในสัญญาการจับคู่คำสั่งซื้อเพื่อดำเนินการ
2. Data Reporting : เมื่อ Chainlink เชื่อมต่อผู้ที่ร้องข้อกับชุดข้อมูล Oracles เพื่อรับข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริง ชุดข้อมูลจะได้รับการประมวลผลโดย Oracles และส่งกลับไปยังสัญญาที่ใช้บริการ Chainlink ให้แก่ผู้ที่ร้องขอ
3.Result Aggregation : เป็นกระบวนการที่ Chainlink รวบรวมผลลัพธ์ของข้อมูลภายนอกที่ส่งมาจาก Oracles ส่งเข้าไปยัง Smart Contract ที่เปรียบเสมือนสัญญาของชุดข้อมูลเพื่อให้ผู้ร้องขอนำข้อมูลไปใช้ในการบริการต่อไป

สัญญามาตราฐานของ Chainlink
Chainlink มีการกำหนด Service level agreement (SLA) ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่รับรองมาตราฐานของระบบ Chainlink ซึ่งเบื้องหลัง ChainLink มีองค์ประกอบบนเครือข่ายที่ประกอบด้วยสัญญาหลัก 3 สัญญา
1.สัญญาชื่อเสียง หรือ The reputation contract จะดำเนินการติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพของผู้ให้บริการ Oracle
2.สัญญาจับคู่คำสั่ง หรือ The order-matching smart contract จะถูกใช้เป็นข้อตกลงและบันทึกข้อมูลพารามิเตอร์ SLA เพื่อรวบรวมการเสนอราคาจากผู้ให้บริการ Oracle จากนั้นจะเลือกการเสนอราคา
3.สัญญารวม หรือ The aggregating contract รวบรวมชุดข้อมูลของผู้ให้บริการ Oracle และคำนวณผลลัพธ์เพื่อแสดงผลเป็นตัวเลือกให้ใน ChainLink Query เพื่อที่จะใช้สำหรับแสดงผลข้อมูลบน Blockchain
Founders
นาย Sergey Nazarov เริ่มต้นอาชีพของเขาที่ FirstMark Capital ที่เป็นบริษัทเกี่ยวกับการเสนอเงินทุนและจัดหาหุ้นส่วนในการจัดทำบริษัท หลังจากทำไปราวๆ 2 ปี เข้าได้ผันตัวเองจากเข้าสู่วงการสกุลเงินดิจิทัลในปี 2011 ซึ่งเขาเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีบล็อคเชนมีความสามารถในการเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป ในสังคมที่กระจายความมั่งคั่งไปทุกชนชั้น และรวมไปถึงการบังคับใช้สัญญาที่โปร่งใสตรวจสอบได้อีกด้วย
Roadmap
May 2019 - Mainnet Launch
Chainlink เปิดตัวเครือข่าย oracle แบบกระจายศูนย์แห่งแรกบนเครือข่ายหลัก Ethereum
February 2021 - Off-Chain Reporting (OCR) Launch
เปิดตัว Chainlink Off-Chain Reporting (OCR) ในระบบ Mainnet ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในความสามารถในการปรับขนาดของเครือข่าย Oracle แบบกระจายศูนย์ของ Chainlink
April 2021 - 2.0 Whitepaper
เผยแพร่เอกสาร The Chainlink 2.0 whitepaper
May 2021 - Verifiable Random Function (VRF) Launch
เปิดตัว Verifiable Random Function (VRF)
Tokenomics
Chainlink ได้มีการสร้างเหรียญ LINK เป็น Governance Token โดยมีจุดประสงค์ต้องการใช้ในการชำระเงินเพื่อจ่ายผู้ให้บริการโหนด Chainlink สำหรับการให้บริการ oracle และอีกนัยหนึ่งถูกใช้เป็นการสร้างระบบการทำงาน ปัจจุบันโดยผู้ใ้ช้งานสามารถใช้ Chainlink เป็นหลักประกัน (collateral) ในการให้บริการ Oracle
Token Distribution
การเสนอขายโทเค็นของ LINK เปิดตัวเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2017 โดยราคาเปิดเสนอขายรอบ pre-sale อยู่ที่ $0.09 ต่อโทเค็น ต่อมามีการขายรอบ Public Sale ภายหลังขายที่ราคา $0.11 ต่อโทเค็น ทั้งนี้ปริมาณเหรียญทั้งหมดที่อยู่ในระบบ Ecosystem ของ Link มีทั้งหมด 1 พันล้านโทเค็น ซึ่งได้รับการจัดสรรดังนี้
35% ถูกจัดสรรให้กับนักลงทุน
35% ถูกจัดสรรไว้สำหรับ Node Operators และไว้เป็นรางวัลให้กับระบบนิเวศเพื่อจูงใจให้ผู้เข้าร่วมเครือข่าย
30% ถูกจัดสรรให้กับบริษัท SmartContract.com ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ LINK

ข้อดีของเหรียญ Chainlink
1.ใช้สำหรับทำสัญญาอัจฉริยะบนเครือข่าย Chainlink ตามวัตถุประสงค์
2.เป็นสกุลเงินดิจิทัลเพียงสกุลเดียวที่สามารถใช้สำหรับการดำเนินงานหลักบนเครือข่าย Chainlink
3.ใช้สำหรับถือทำกำไร เนื่องจากเหรียญ Link มีปริมาณจำกัด
4.ใช้สำหรับโหวต
Partnerships
Partnerships
Kraken
Kraken ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาต้องการที่จะทำให้ข้อมูล crypto แบบ in-house สามารถเข้าถึงได้โดยตรงแบบ on-chain โดยสามารถใช้งานบน DeFi apps ได้ ผ่านการเปิดโหนดของ ChainLink

Cardano
Cardano แพลตฟอร์ม Smart Contract ชื่อดัง ได้มีการประกาศ Partner ครั้งสำคัญอย่าง Chainlink ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูล Oracle โดย Cardano ใช้ Chainlink เป็นฐานข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ ทั้งนี้นาย Charles Hoskinson ผู้ก่อตั้ง Cardano กล่าวว่า "Oracles มีความสำคัญต่อการทำให้ข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงสามารถเข้าถึงได้บน Cardano และสนับสนุนสัญญาอัจฉริยะขั้นสูง เช่น แอปพลิเคชัน DeFi และ Chainlink ก็เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่แข็งแกร่ง”

Aave Oracle
Aave โปรโตคอลที่ให้บริการเกี่ยวกับการกู้ยืมชื่อดัง ประกาศเปิดตัว Aave Oracle ซึ่งขับเคลื่อนโดย Chainlink ซึ่งการทำงานกับ Chainlink ช่วยให้มั่นใจได้ว่าโปรโตคอล Aave นั้นมีประสิทธิภาพอย่างมาก

Synthetix
Synthetix ผู้ให้บริการเสริมสภาพคล่อง (Derivatives Liquidity Protocol) ชื่อดัง ประกาศทำงานร่วมกับ Chainlink ซึ่งเป็นเครือข่าย oracle ชั้นนำ เพื่อเปิดใช้งานฟีดราคาแบบกระจายศูนย์ทั่วทั้งแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์

Summary
Chainlink ถือเป็นอีกหนึ่งการบริการบน Blockchain ที่เปรียบเสมือนรอยต่อที่มาเติมเต็มองค์ประกอบของโลกธุรกิจที่เชื่อมต่อเข้ากับ Smart Contract โดยการพัฒนาของ Chainlink นั้นทำให้เกิด Partner จากหลากหลายธุรกิจที่ต้องการเข้ามาเป็นส่วนร่วมในการใช้ข้อมูล Oracle เพื่อเชื่อมต่อกับการบริการอย่างเช่น DeFi ที่ต้องอาศัย Smart Contract เป็นตัวขับเคลื่อนระบบที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Chainlink ยังมีระบบความปลอดภัยที่เหนือชั้นและยังได้รับความไว้วางใจจากหลายบริษัทที่ต้องการใช้บริการของ Chainlink มาเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของพวกเขา ซึ่งในอนาคตนั้น Chainlink น่าจะมีอีกหลาย Partner ให้เราได้คอยติดตามกันอย่างแน่นอนครับ
Source :
https://messari.io/asset/chainlink/profile/token-usage
https://docs.chain.link/docs/using-chainlink-reference-contracts/?_ga=2.256374475.1556102076.1632299552-1523052305.1632299552
https://research.chain.link/whitepaper-v1.pdf
คำเตือน
1.คริปโทเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน
2.คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนโปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
3.สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้